Table of Contents

บทความที่เกี่ยวข้อง

รีวิว POCO F4 GT จากสมาร์ทโฟนตัวแรง กลายร่างสู่เกมมิ่งโฟนราคาดี

Poco F series นั้นถือว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าและอัดสเปคระดับเรือธงมาให้แรงแบบจุกสุดๆ ของค่ายแล้ว แถมตอนนี้ขยับขึ้นไปอีกขั้น กลายพันธุ์เป็นเกมมิ่งโฟนในรุ่นล่าสุด POCO F4 GT ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ แกะกล่อง POCO F4

Read More »

รีวิว vivo X80 Pro 5G เรือธงกล้อง ZEISS อัปเกรดใหม่ ใส่ชิป vivo V1+

19 พฤษภาคม 2022 – ยังคงเดินหน้าสร้างความประทับใจอย่างต่อเนื่องสำหรับทาง vivo ที่หลังจากประกาศความร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง ZEISS พร้อมวิจัย และพัฒนากล้องถ่ายภาพร่วมกัน ล่าสุดก็ต่อยอดมาถึงรุ่นที่ 3 แล้วนั่นคือ vivo X80

Read More »

รีวิว Xiaomi 12 Pro นิยามใหม่ของสมาร์ทโฟนเรือธง

ถึงคราวที่ทาง Xiaomi จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงของปีนี้กันแล้ว นั่นก็คือ Xiaomi 12 Pro ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ทาง Xiaomi ทำออกมาได้ไม่น้อยหน้าแบรนด์อื่น ทั้งดีไซน์ที่ดูพรีเมี่ยม ฟังก์ชั่นการใช้งาน การถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร และสุดท้ายกับประสิทธิภาพที่แรงในระดับแถวหน้าในตอนนี้

Read More »

รีวิว POCO F4 GT จากสมาร์ทโฟนตัวแรง กลายร่างสู่เกมมิ่งโฟนราคาดี

Poco F series นั้นถือว่าเป็นรุ่นที่คุ้มค่าและอัดสเปคระดับเรือธงมาให้แรงแบบจุกสุดๆ ของค่ายแล้ว แถมตอนนี้ขยับขึ้นไปอีกขั้น กลายพันธุ์เป็นเกมมิ่งโฟนในรุ่นล่าสุด POCO F4 GT ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ

แกะกล่อง POCO F4 GT

แต่พอพลิกมาด้านหลังนี่ มันคือรูปทรงและดีไซน์ของ Gaming Phone ชัดๆ ทั้งการออกแบบลายเส้นให้ดูโฉบเฉี่ยว แม้แต่ไฟ LED ของแฟลชกล้องยังเป็นรูปสายฟ้า และไฟ RGB เท่ๆ เวลาเล่นเกมตรงโมดูลกล้อง

อุปกรณ์ภายในกล่องของ POCO F4 GT นั้นก็ให้มาครบชุดครับ

  • ตัวเครื่องมีฟิล์มกันรอยติดมาให้อยู่แล้ว POCO F4 GT
  • เคสใส เจาะช่องรอบตัวสำหรับปุ่มกดและพอร์ตต่างๆ
  • สาย USB C รองรับการชาร์จไว
  • หม้อแปลงระบบชาร์จ 120W
  • ตัวแปลง USB C > แจ็ค 3.5 มม.
  • เข็มจิ้มถาดซิม

สัมผัสพลังเกมมิ่งPOCO F4 GT

รุ่นนี้ต้องบอกว่ามันคือมือถือเกมมิ่ง ตัวเป็นๆ รุ่นแรกของค่ายเลยก็ว่าได้ เพราะพี่แกใส่ shoulder button หรือปุ่ม L + R ที่เรียกว่า Magentic pop up trigger มีปุ่มสไลด์ที่ใช้ในการเปิด/ปิด การใช้งาน ตอนเล่นเกมค่อยเรียกออกมา ถึงเวลาก็เอาเก็บเข้าไป กลายเป็นสมาร์ทโฟนธรรมดาๆ เครื่องนึง

ชิป Snapdragon 8 Gen 1 นั้นแรงอยู่แล้วด้วยพลัง octa-core 3.0 GHz มาจับคู่กับ RAM LPDDR5 และ ROM UFS 3.1 คือเติมอัตราเร่งให้ครบ ผลทดสอบทั้ง Geekbench และ 3D Mark อยู่ในกลุ่มท็อป

เรื่องการเปิดกราฟิคระดับสูงในการเล่นเกมไม่ใช่ปัญหา และการจะคงเอาประสิทธิภาพในการประมวลผล และรักษาเฟรมเรตให้นิ่งต่อเนื่องก็มี LiquidCool Technology 3.0 ที่มาพร้อมกับ Vapor Chamber คู่ ช่วยลดอุณหภูมิของชิปลง

ซึ่งจากที่ได้ลองมาทั้ง RoV , PUBG New State สอบผ่านที่ความละเอียดสูงสุดได้สบายๆ เปิดอัดหน้าจอไปพร้อมกัน จังหวะทีมไฟต์ปล่อยอัลติใส่กันก็ยังเก็บคิลได้สบายๆ เฟรมเรตแทบจะไม่ขยับ Xiaomi 12 Pro

ส่วนจอภาพ AMOLED 6.67 นิ้วก็มาพร้อมกับอัตรารีเฟรชเรต 120Hz และตอบสนองต่อการสัมผัสไวถึง 480Hz Touch Sampling การเลือกใช้หน้าจอแบนเพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนโค้งของจอไปเผลอสัมผัสกับส่วนของมือเราโดยไม่ตั้งใจ เรื่องของสีสันก็มีระบบ True Color Display ให้สีสันสวยงามและไม่เพี้ยน แม้จะมีการปรับความสว่างหนาจอ

ส่วนของ Game Turbo นั้นอยู่ในการตั้งค่า เราสามารถเลือกปรับแต่งประสิทธิภาพ CPU และหน้าจอสัมผัสได้ รวมถึงเลือกเปิดไฟ RGB ให้เรืองแสงเวลาเล่นเกมได้ด้วย น่าเสียดายปรับแต่งได้ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ มีแค่ให้เลือกสีเท่านั้น

ตัวเครื่องและการใช้งานทั่วไป

แม้ว่าปุ่ม Magentic pop up trigger นั้นจะออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมเป็นหลัก แต่เรายังสามารถใช้ 2 ปุ่มนี้ในการใช้งานทั่วไป

เช่นอาจจะตั้งค่าให้เปิดกล้อง บันทึกหน้าจอ หรือเปิดไฟฉายก็ได้ส่วนหน้าจอ 6.67 นิ้ว ใช้กระจก Gorill Glass Victus ความละเอียด Full HD+ มีอัตราส่วน 20:9 แถมรองรับ HDR10+ ทำให้การรับชมคอนเทนต์ต่างๆ นั้นสบายตา และมีมิติไปกับพลังเสียง Quad Speaker และระบบ Dolby ATMOS ด้วยส่วนลำโพงด้านบนตัวเครื่อง ที่อีกฝั่งเป็นไมโครโฟน และ IR Blaster สำหรับใช้เป็นรีโมทอินฟราเรด ส่วนลำโพงด้านท้ายเครื่องนั้นจะอยู่ข้างๆ มีพอร์ต USB C กับไมโครโฟนอยู่บริเวณกลาง

รุ่นนี้ตำแหน่งของปุ่มพาวเวอร์จะอยู่ทางขวาของจอภาพ แต่ปุ่มปรับเสียงกลับอยู่คนละฝั่ง แรกๆ แอบไม่ชินนิดนึง แต่ก็ปรับตัวได้ไม่นาน ส่วนความลำบากที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือตอนจะปรับเสียงระหว่างเล่นเกมนี่สิ มันไปอยู่ด้านล่างแทน จะเอื้อมไปกดยากหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ เพราะอีกฝั่งนั้นใส่ปุ่ม L R กับตัวสไลเดอร์มาก็แทบจะเต็มพื้นที่แล้วส่วนของถาดซิมนั้นเป็นแบบ Dual Slot คือใช่ได้แค่ซิมการ์ดนะครับ ไม่สามารเพิ่มหน่วยความจำได้ระบบปฏิบัติการของ POCO F4 GTนั้นเป็น MIUI 13 for POCO ซึ่งทำงานบน Android 12 มีฟีเจอร์เหมือน MIUI ทั้งหมด ต่างกันแค่หน้าตาของ Home หรือ Launcher เล็กน้อย

กล้องPOCO F4 GT

กล้องเซลฟี่ความละเอียด 20MP f2.4 ใช้เซนเซอร์ IMX596 ตอนถ่ายภาพก็ดูกว้างดี แต่พอเปิดเป็นวิดีโอแล้วครอปค่อข้างเยอะ ทำให้เฟรมค่อนข้างแคบเลย รองรับ Full HD 60FPS นะส่วนกล้องหลัง 3 ตัวนั้นมีเซนเซอร์หลักความละเอียด 64MP f1.9 IMX686 มากับกล้อง Ultrawide 8MP มุมมองกว้าง 120 องศา กล้องอีกตัวเป็น Macro 2MPในฝั่งของ Software กล้องนั้นจัดเต็ม เรียกว่าทุกฟีเจอร์และลูกเล่นมีมาให้หมด ตั้งแต่ Movie Effect, Clone, VLOG และการเปิดรับแสงนาน เพราะตัวชิปนั้นแรงเกินพอที่จะเปิดใช้งานได้ทุกฟีเจอร์อยู่แล้วเรียกว่าครบทั้งเรื่องของการเล่นเกม ถ่ายภาพและวิดีโอกันเลย อ้อ ส่วนความละเอียดของวิดีโอกล้องหลังนั้นสูงสุดที่ 4K 60FPS vivo X80 Pro 5G

ภาพจากกล้องPOCO F4 GT

แบตเตอรี่กับระบบ 120W HYPERCHARGE

POCO F4 GTมาพร้อมกับระบบชาร์จไว 120W HyperCharge ซึ่งเป็นรุ่นแรกของ POCO ที่รองรับความเร็วในการชาร์จขนาดนี้ พร้อมแบตเตอรี่ Dual-Cell 4700 มิลลิแอมป์ ไม่ว่าคุณจะใช้งานโหดแค่ไหน เล่นเกมหนักยังไง แค่เสียบชาร์จแค่ 17 นาที แบตก็กลับมาเต็ม 100% แล้วครับ

กรณีที่เล่นเกมติดพัน ก็ยังสามารถเสียบชาร์จไปพร้อมกันด้วยระบบ Multi Tab Winding และ Dual Charge Pump นั้นสามารถช่วยให้แบตเตอรี่ไม่ได้รับผลกระทบจากการชาร์จไปใช้ไป แต่จะใช้เวลาในการชาร์จเต็ม 100% นานขึ้นเล็กน้อย เป็น 27 นาที

สเปค POCO F4 GT

  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400) รีเฟรชเรท 120Hz ครอบด้วย Gorilla Glass Victus
  • CPU : Snapdragon 8 Gen 1 POCO F4 GT
  • RAM (LPDDR5) : 8GB / 12GB
  • ความจุ (UFS 3.1) : 128GB / 256GB
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก เซนเซอร์ IMX686 ความละเอียด 64MP
    – กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP, มุมกว้าง 120 องศา
    – กล้อง Tele Macro ความละเอียด 2MP
  • กล้องหน้า : IMX596 ความละเอียด 20MP
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ 4 ตัว ปรับแต่งโดย JBL, Dolby Atmos
  • การเชื่อมต่อ : 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6e, BT 5.2, NFC
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), Accelerometer, Gyro, Compass
  • แบตเตอรี่ : 4700mAh รองรับชาร์จไว 12oW
  • ระบบ Android 12 ครอบด้วย MIUI 13